ไขรหัส 'นาฬิกาชีวิต' และ 'ยามจีน' สู่สุขภาพดีกับแพทย์แผนจีน
- phangngatcmclinic
- 11 พ.ค. 2567
- ยาว 4 นาที
อัปเดตเมื่อ 28 พ.ค.

ศาสตร์การแพทย์แผนจีนเชื่อมั่นในความเชื่อมโยงอันลึกซึ้งระหว่างธรรมชาติและมนุษย์ ดังคำกล่าวที่ว่า "天人合一" (เทียนเหรินเหออี) หมายถึง ฟ้าและคนเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าวันเวลา ชั่วโมง "ชั่วยาม" (时辰 - สือเฉิน) ฤดูกาล หรือสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ร่างกายของมนุษย์เราก็จะปรับตัวให้สอดคล้องตามวัฏจักรธรรมชาตินั้น พลังชี่ (ลมปราณ) เลือด และอวัยวะภายในต่างๆ จะทำงานหมุนเวียนสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของเรา ซึ่งแนวคิดนี้มีความคล้ายคลึงอย่างน่าทึ่งกับ Circadian Rhythm หรือ นาฬิกาชีวภาพ ที่วิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ให้การยอมรับ
ด้วยเหตุนี้ ตำราการแพทย์แผนจีนจึงได้บันทึกเรื่องราวของ "นาฬิกาชีวิต" ไว้ เสมือนเป็นคู่มือการดูแลสุขภาพ (养生 - หย่างเซิง) และป้องกันโรคภัยไข้เจ็บตามวิถีแพทย์แผนจีน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับทุกคน รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ในภูเก็ต และพังงาที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
เมื่อเราเข้าใจกฎเกณฑ์การทำงานของ "นาฬิกาชีวิต" ซึ่งก็คือ Circadian Rhythm ในมุมมองของแพทย์แผนจีน เราก็จะสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างถูกวิธี ลดโอกาสการเจ็บป่วย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทำความรู้จัก "นาฬิกาชีวิต" และ Circadian Rhythm: กลไกมหัศจรรย์ในร่างกาย
จะเกิดอะไรขึ้น? หาก "นาฬิกาชีวิต" (Circadian Rhythm) ในตัวคุณไม่ปกติ
การปรับชีวิตตาม "นาฬิกาชีวิต" ด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน และเข้าใจ "ยามจีน" ให้ลึกซึ้ง
สรุป: "นาฬิกาชีวิต" และ "ยามจีน" กุญแจสำคัญสู่สุขภาพดีแบบยั่งยืน สอดคล้องกับ Circadian Rhythm
ทำความรู้จัก "นาฬิกาชีวิต" และ Circadian Rhythm: กลไกมหัศจรรย์ในร่างกาย
คำว่า "นาฬิกาชีวิต" อาจมีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น "นาฬิการ่างกาย" (Body Clock) หรือ "นาฬิกาชีวภาพ" (Biological Clock) ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ตะวันตกเรียกว่า Circadian Rhythm (มาจากภาษาละติน "circa" แปลว่า "ประมาณ" และ "diem" แปลว่า "วัน") ทั้งหมดนี้ล้วนหมายถึงวงจรการทำงานภายในร่างกายที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ประมาณ 24 ชั่วโมง โดยควบคุมการทำงานทางสรีรวิทยาและพฤติกรรมต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์เราด้วย
"นาฬิกาชีวิต" = วงจรการทำงานของเครื่องจักรในร่างมนุษย์
"นาฬิกาชีวิต" ตามหลักแพทย์แผนจีนคืออะไร?
นาฬิกาชีวิต คือวงจรการทำงานตามธรรมชาติของระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ ที่ดำเนินไปอย่างแม่นยำสัมพันธ์กับกิจวัตรประจำวัน แสงสว่าง และอุณหภูมิร่างกาย ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องกับการทำงานของ Circadian Rhythm ที่ควบคุม การตื่นนอน การเข้านอน ความรู้สึกหิว การย่อยอาหาร การหลั่งกรดและฮอร์โมน (เช่น เมลาโทนิน คอร์ติซอล) การทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ระบบเผาผลาญ และระบบภูมิคุ้มกัน เปรียบเสมือนเครื่องจักรอันซับซ้อนที่แต่ละส่วนทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัวเพื่อให้ร่างกายดำเนินไปอย่างปกติ
แต่หากเราใช้งานร่างกายหนักเกินไป ไม่ให้เวลาพักผ่อน ซึ่งเป็นการรบกวน Circadian Rhythm เครื่องจักรนี้ก็อาจเกิดอาการรวนหรือ "ลัดวงจร" ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ ด้วยเหตุนี้ แพทย์แผนจีนส่วนใหญ่จึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยเริ่มต้นการดูแลสุขภาพด้วยการปรับ "นาฬิกาชีวิต" ให้กลับมาแข็งแรงเป็นอันดับแรก
จะเกิดอะไรขึ้น? หาก "นาฬิกาชีวิต" (Circadian Rhythm) ในตัวคุณไม่ปกติ
การใช้ชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับ "นาฬิกาชีวิต" หรือการรบกวน Circadian Rhythm เป็นประจำ เช่น การนอนดึก ตื่นสาย กินอาหารไม่เป็นเวลา หรือมีความเครียดสะสม สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทำให้ระบบในร่างกายแปรปรวน นำไปสู่ปัญหาเหล่านี้ได้
อ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่สดชื่น
นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท (Insomnia)
ระบบย่อยอาหารมีปัญหา ท้องผูก ท้องอืด กรดไหลย้อน
ผิวพรรณหมองคล้ำ เกิดสิว ฝ้า
อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล
ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ป่วยง่าย
เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังในระยะยาว เช่น โรคตับ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้า
การปรับชีวิตตาม "นาฬิกาชีวิต" ด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน และเข้าใจ "ยามจีน" ให้ลึกซึ้ง
แนวคิด "นาฬิกาชีวิต" ในทางการแพทย์แผนจีนมีความสัมพันธ์กับเวลาและแสงแดดเช่นกัน โดยแบ่งเวลาใน 1 วันออกเป็น 12 ชั่วยาม (十二时辰 - สือเอ้อสือเฉิน) โดยแต่ละ "ยาม" (时 - สือ) จะกินเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งในซีรีส์จีนโบราณเรามักจะได้ยินการกล่าวถึง "ยาม" เหล่านี้อยู่เสมอ แต่ละช่วงเวลาจะสอดคล้องกับการทำงานของอวัยวะสำคัญ 12 ส่วนในร่างกาย ดังนี้

🕛 23:00 – 01:00 น. – "ยามจื่อ (子时)" ช่วงเวลาของถุงน้ำดี
ถุงน้ำดีทำงาน...ควรนอนได้แล้ว...เดี๋ยวตื่นมาไม่สดชื่นนะ
ความเชื่อและคำแนะนำ: เป็นยามแรกของวันตามการนับแบบจีนโบราณ พลังหยินในร่างกายถึงขีดสุดและเริ่มก่อเกิดพลังหยาง ควรนอนหลับให้สนิทเพื่อให้ถุงน้ำดี (胆) ทำงานได้เต็มที่ในการเก็บน้ำดีจากตับเพื่อช่วยย่อยไขมัน และเป็นช่วงที่ไขกระดูกเริ่มสร้างเลือด และซ่อมแซมร่างกาย ใครที่ดูซีรีส์จีนแล้วเห็นตัวละครเตรียมตัวเข้านอนแต่หัวค่ำ ก็เพื่อบำรุงร่างกายตามหลักนี้นี่เอง
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: การนอนก่อนเวลานี้ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง จิตใจแจ่มใส ป้องกันนิ่ว โรคตับ และเสริมสร้างพลังหยาง
หากไม่พักผ่อน: ถุงน้ำดีจะอ่อนแอ อาจเกิดอาการคิดมาก กังวล นอนไม่หลับ ปวดหัว ตื่นมาไม่สดชื่น สมองตื้อ และใต้ตาคล้ำ
🕑 01:00 – 03:00 น. – "ยามโฉ่ว (丑时)" ช่วงเวลาของตับ
ตับทำงาน...ควรหลับให้สนิท...อย่าเผลอสะกิดให้ตื่น
ความเชื่อและคำแนะนำ: เส้นลมปราณตับ (肝经) ทำงานเพื่อกำจัดสารพิษในร่างกาย ตับทำหน้าที่เก็บกักเลือด (肝藏血) การนอนหลับลึกในช่วงนี้จึงเป็นการบำรุงตับโดยตรง ทำให้พลังชี่ตับแข็งแรง
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: การพักผ่อนเต็มที่ช่วยให้ตับแข็งแรง อารมณ์ดี
หากไม่พักผ่อน: (เช่น ทำงานหนัก ดื่มสุรา) ตับอาจมีพลังหยางมากเกินไป ส่งผลให้อารมณ์หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล ใบหน้าหมองคล้ำ เกิดฝ้า สิว ผู้สูงอายุอาจเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม ความดัน เบาหวาน และโรคหัวใจ
🕓 03:00 – 05:00 น. – "ยามอิ่น (寅时)" ช่วงเวลาของปอด
ปอดรับพลัง...ตื่นขึ้นมาสดชื่น หน้าสวยใส
ความเชื่อและคำแนะนำ: เส้นลมปราณปอด (肺经) ทำงาน รวบรวมพลังชี่และเลือด แลกเปลี่ยนออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย (肺主气,朝百脉) การนอนหลับลึกในช่วงนี้เป็นการบำรุงปอด
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: การนอนหลับลึกในช่วงนี้ช่วยบำรุงปอด ตื่นขึ้นมาใบหน้าจะสดใส ร่างกายสดชื่น
หากไม่พักผ่อน: ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและร่างกายน้อย คนเป็นภูมิแพ้ หอบหืด อาการจะกำเริบได้ง่าย ดังนั้นผู้สูงอายุที่มีปัญหาปอดและหัวใจทำงานไม่ดีไม่ควรรีบลุกขึ้นและไม่แนะนำให้ออกกำลังกายหนักในตอนเช้ามืด
🕕 05:00 – 07:00 น. – "ยามเหม่า (卯时)" ช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่
ลำไส้ใหญ่ตื่นแล้ว...มาขับถ่าย ไม่ให้ท้องผูกกัน
ความเชื่อและคำแนะนำ: เป็นช่วงเวลาที่คนโบราณมักจะตื่นนอน เส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ (大肠经) ทำงาน พลังชี่และเลือดไหลเวียนมาที่ลำไส้ใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมขับถ่ายของเสีย
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: ดื่มน้ำอุ่นเมื่อตื่นนอน เพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่าย จะได้ไม่ถ่ายแข็งหรือท้องผูก
หากไม่ขับถ่ายเวลานี้: จะทำให้ระบบลำไส้ใหญ่แปรปรวน เกิดท้องผูก ถ่ายไม่เป็นเวลา ระหว่างวันจะรู้สึกไม่สบายตัวได้
🕗 07:00 – 09:00 น. – "ยามเฉิน (辰时)" ช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร
กระเพาะอาหารเปิด...มาทานข้าวเช้ากันเถอะ
ความเชื่อและคำแนะนำ: เส้นลมปราณกระเพาะอาหาร (胃经) ทำงานอย่างแข็งขัน พลังชี่และเลือดจะไหลเวียนไปที่กระเพาะอาหารมากขึ้น เพื่อให้มีแรงในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: ควรทานข้าวเช้าในเวลานี้ เสมือนเติมน้ำมันให้เครื่องจักรเดินหน้าทำงานเต็มกำลัง ทำกิจกรรมต่างๆ ได้เต็มที่ และช่วยให้ไม่อ้วนง่าย
หากไม่ทานอาหารเช้า: จะทำให้กระเพาะอาหารทำงานรวน หลั่งกรดออกมาจนเกิดกรดไหลย้อน เป็นโรคกระเพาะ ไม่มีแรง สมองไม่แล่น ไม่มีสมาธิได้
🕙 09:00 – 11:00 น. – "ยามซื่อ (巳时)" ช่วงเวลาของม้าม
ม้ามย่อยง่าย...ขยับตัวนิดๆ...ร่างกายตื่นตัว
ความเชื่อและคำแนะนำ: เส้นลมปราณม้าม (脾经) ทำงาน และมีหน้าที่เสริมสร้างแขนขา รวมทั้งการเคลื่อนไหว (脾主四肢) ม้ามยังช่วยแยกส่วนดีของอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนบน และแยกส่วนเสียสู่ส่วนล่างเพื่อขับถ่าย (升清降浊)
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: จึงเหมาะที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อช่วยให้ระบบย่อยกระจายสารอาหารและน้ำไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้ดี
หากไม่ค่อยได้ขยับตัว/นอนหลับอยู่: ก็อาจจะทำให้ม้ามอ่อนแรง รู้สึกอาหารไม่ค่อยย่อย เพลียง่าย ไม่ค่อยสดชื่นระหว่างวัน
🕛 11:00 – 13:00 น. – "ยามอู่ (午时)" ช่วงเวลาของหัวใจ
พักสักงีบ...บำรุงหัวใจ พักสมอง
ความเชื่อและคำแนะนำ: เป็นช่วงเวลาที่พลังหยินหยางทำงานสลับกัน พลังหยางชี่มากที่สุดและพลังหยินน้อยที่สุด เป็นเวลาที่เส้นลมปราณหัวใจ (心经) ทำงาน
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: การพักผ่อนระหว่างเวลานี้ เช่น งีบหลับสั้นๆ หรือทำสมาธิ จึงช่วยบำรุงหัวใจ จิตใจสงบ (养心安神) ทำให้ยามบ่ายทำงานต่อได้อย่างมีพลัง คิดงานต่อได้ดี
หากทำงานหนัก/คิดเรื่องเครียดๆ: เลือดสูบฉีดไหลเวียนไปที่หัวใจไม่เต็มที่ ติดขัดก็จะทำให้สมองไม่แล่น อารมณ์ไม่คงที่ได้ ดังนั้นควรทำตัวสบาย ๆ ผ่อนคลาย ชิลล์ ๆ นั่นเอง
🕑 13:00 – 15:00 น. – "ยามเว่ย (未时)" ช่วงเวลาของลำไส้เล็ก
งดกินก่อนนะ...ลำไส้เล็กกำลังย่อยและดูดซึมได้ดี
ความเชื่อและคำแนะนำ: เป็นช่วงเวลาที่เส้นลมปราณลำไส้เล็ก (小肠经) ทำงาน เป็นเวลาสำหรับการย่อยและดูดซึมอาหารที่กินเข้าไปอย่างเต็มที่
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: ควรจะทานอาหารกลางวันก่อนเวลานี้ งดทานของกินเล่น น้ำหวาน จะทำให้ลำไส้เล็กดูดซึมสารอาหารไปเลี้ยงสมองและร่างกายได้เต็มที่ สมองคิดสร้างสรรค์ได้เต็มที่ วางแผนงานในเวลานี้ดีที่สุด
หากเวลานี้ยังกินอยู่: อาจทำให้อาหารไม่ค่อยย่อย ง่วงเพลียง่าย เป็นต้น
🕓 15:00 – 17:00 น. – "ยามเซิน (申时)" ช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ
ดื่มน้ำเยอะๆ...เดินเล่นช้าๆ...เข้าห้องน้ำปัสสาวะด้วย
ความเชื่อและคำแนะนำ: เป็นช่วงเวลาที่เส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะ (膀胱经) ทำงาน มีหน้าที่กักเก็บและขับถ่ายปัสสาวะ
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: การดื่มน้ำบ่อย ๆ เดินเข้าห้องน้ำไปปัสสาวะในเวลานี้จะทำให้กระบวนเมตาบอลิซึมร่างกายปกติ สามารถรักษาภาวะต่าง ๆ ภายในร่างกายให้คงที่ได้และออกกำลังกายเบา ๆ ผ่อนคลายก่อนเข้านอนตอนค่ำ
หากอดน้ำ ทานน้ำน้อย กลั้นปัสสาวะ: จะทำให้ระบบการขับปัสสาวะเพี้ยนไปได้
🕕 17:00 – 19:00 น. – "ยามโหย่ว (酉时)" ช่วงเวลาของไต
เย็นแล้วงดเค็ม กินจืด...ช่วยให้ไตแข็งแรงได้
ความเชื่อและคำแนะนำ: เป็นช่วงเวลาที่เส้นลมปราณไต (肾经) ทำงาน ไตแข็งแรงก็จะช่วยให้ม้าม กระเพาะอาหารแข็งแรงด้วย (后天养先天) ป้องกันการเหนื่อยเพลียสะสม
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: ทานอาหารเย็นให้ตรงเวลา งดเค็ม ทานอาหารรสจืดจึงจะดี
หากทานอาหารดึก/รสจัด: จะทำให้ระบบย่อยและการสะสมสารจำเป็นของไตไม่แข็งแรง การเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์จะทำงานไม่เต็มที่
🕗 19:00 – 21:00 น. – "ยามซวี (戌时)" ช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ
อารมณ์ดี...ไม่ทานอิ่มเกิน เยื่อหุ้มหัวใจแข็งแรง
ความเชื่อและคำแนะนำ: เป็นช่วงเวลาที่เส้นลมปราณเยื่อหุ้มหัวใจ (心包经) ทำงาน พลังชี่และเลือดไหลเวียนหล่อเลี้ยงหัวใจ ควรทำจิตใจผ่อนคลาย อารมณ์ดีเข้าไว้ (怡养心神)
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: ไม่ควรทานอาหารอิ่มเกินไป เพราะตอนเย็นเวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนก่อนที่จะเข้านอน
หากทานอาหารอิ่มเกินไปหรือเครียดในเวลานี้: จะทำให้นอนไม่หลับ เกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นได้
🕙 21:00 – 23:00 น. – "ยามไฮ่ (亥时)" ช่วงเวลาของซานเจียว
ร่างกายอบอุ่น...พร้อมเข้านอนกัน
ความเชื่อและคำแนะนำ: เป็นช่วงเวลาที่เส้นลมปราณซานเจียว (三焦经) ทำงาน ซึ่งซานเจียวเป็นทางผ่านของพลังชี่และเลือดของระบบต่างๆ ทั้งหมดในร่างกาย จะปรับสมดุลอุณหภูมิร่างกายลดลง เริ่มหลั่งเมลาโทนิน
เคล็ดลับแพทย์แผนจีน: เวลานี้เราควรเตรียมตัวอาบน้ำ (อาจเป็นน้ำอุ่น) ใส่เสื้อผ้าอุ่น ๆ พร้อมเข้านอนกัน
การปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง: หากยังทำกิจกรรมที่ตื่นเต้นหรือใช้สมองมาก อาจรบกวนการเตรียมตัวเข้าสู่การนอนหลับที่มีคุณภาพ
สรุป: "นาฬิกาชีวิต" และ "ยามจีน" กุญแจสำคัญสู่สุขภาพดีแบบยั่งยืน สอดคล้องกับ Circadian Rhythm
"นาฬิกาชีวิต" ตามหลักแพทย์แผนจีนและ "ยามจีน" ทั้ง 12 ชั่วยามนี้ จะหมุนเวียนไปตามช่วงเวลาในแต่ละวัน อวัยวะต่างๆ ก็จะทำงานสอดประสานกันเป็นวงจร ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ Circadian Rhythm ในวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เมื่อเรามีความเข้าใจในกลไกการทำงานเหล่านี้ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันให้สอดคล้อง ไม่ว่าจะเป็นการนอน การกิน การพักผ่อน และการออกกำลังกาย เราก็จะสามารถสร้างสมดุลของพลังชี่ เลือด หยิน-หยางในร่างกายได้ สิ่งนี้ถือเป็นการป้องกันการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยไม่ต้องพึ่งพายา เพียงแต่อาศัยความมีวินัยและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ปรับนาฬิกาชีวิต ปรึกษาแพทย์แผนจีน ที่ภูเก็ตและพังงา โดย พังงาคลินิกแพทย์แผนจีน
หากคุณอาศัยอยู่ในภูเก็ต หรือ พังงา และสนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับ "นาฬิกาชีวิต" ให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกายของคุณ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพตามหลักแพทย์แผนจีน รวมถึงต้องการคำแนะนำเฉพาะบุคคลเพื่อปรับสมดุล Circadian Rhythm ของคุณ ติดต่อเราเพื่อนัดหมายประเมินอาการได้ที่ พังงาคลิินิกแพทย์แผนจีน
สาขาอนุสาวรีย์-ป่าคลอก จ.ภูเก็ต: โทร. 080-516-9239
สาขาเมือง จ.พังงา: โทร. 092-284-3804
ดูแผนที่คลินิกได้ที่: "สาขาของเรา"
หรือนัดหมายล่วงหน้าผ่าน: