top of page
ค้นหา

แก้ปัญหาปวดหลัง ปวดสะโพกเรื้อรัง ด้วยการจัดกระดูกเชิงกราน (Pelvic Realignment) คืออะไร?

  • รูปภาพนักเขียน: phangngatcmclinic
    phangngatcmclinic
  • 30 พ.ค.
  • ยาว 3 นาที

อัปเดตเมื่อ 1 มิ.ย.

คุณเคยประสบปัญหาอาการ ปวดหลังส่วนล่าง หรือ ปวดสะโพกเรื้อรัง ที่หาสาเหตุไม่เจอหรือรักษาไม่หายขาดไหม? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า กระดูกเชิงกราน ของคุณกำลังเสียสมดุลอยู่ก็เป็นได้ เพราะกระดูกเชิงกรานเป็นเหมือนฐานรากสำคัญของร่างกาย หากโครงสร้างส่วนนี้ไม่สมดุล ก็จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกระดูกสันหลัง ข้อสะโพก หัวเข่า ไปจนถึงเท้า ซึ่งนำไปสู่อาการปวดเรื้อรัง การเคลื่อนไหวร่างกาย และปัญหาทางสรีระต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประสบอุบัติเหตุ และกลุ่มคุณแม่หลังคลอดที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายครั้งใหญ่



ทำความเข้าใจกระดูกเชิงกราน (Understanding the Pelvis)

ก่อนที่เราจะเจาะลึกเรื่อง Pelvic Realignment เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานของกระดูกเชิงกรานกัน

pelvic anatomy

กายวิภาคศาสตร์เบื้องต้นของกระดูกเชิงกราน ส่วนประกอบและบทบาทสำคัญ

กระดูกเชิงกราน (Pelvis) เป็นโครงสร้างกระดูกขนาดใหญ่รูปวงแหวนที่อยู่บริเวณสะโพก ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างลำตัวส่วนบนและขา ประกอบด้วยกระดูกหลัก 3 ชิ้นที่เชื่อมต่อกันอย่างซับซ้อน ได้แก่

  • กระดูกสะโพก (Innominate bones หรือ Hip bones): มี 2 ชิ้น อยู่ด้านซ้ายและขวา ซึ่งแต่ละชิ้นประกอบด้วยกระดูกสามส่วนที่เชื่อมติดกัน คือ Ilium (ส่วนบนที่เป็นปีก), Ischium (ส่วนล่างที่เรานั่งทับ) และ Pubis (ส่วนหน้า)

  • กระดูกกระเบนเหน็บ (Sacrum): เป็นกระดูกรูปสามเหลี่ยมที่อยู่ส่วนล่างของกระดูกสันหลัง เชื่อมต่อกับกระดูกสะโพกทั้งสองข้าง

  • กระดูกก้นกบ (Coccyx): เป็นกระดูกชิ้นเล็ก ๆ ที่อยู่ปลายสุดของกระดูกกะเบนเหน็บ

กระดูกเชิงกรานไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างที่อยู่กับที่ แต่ยังทำหน้าที่เป็น ฐานรากที่มั่นคง สำหรับกระดูกสันหลังส่วนบน และเป็น จุดยึดเกาะที่สำคัญ ของกล้ามเนื้อจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของลำตัวและขา


ความสำคัญของกระดูกเชิงกรานในการรองรับน้ำหนักและการเคลื่อนไหว

กระดูกเชิงกรานมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของร่างกายในหลายด้าน:

  • การรองรับน้ำหนัก: ทำหน้าที่เป็นเสาค้ำยันหลักในการรับน้ำหนักจากลำตัวส่วนบนและถ่ายเทน้ำหนักลงสู่ขาและเท้าเมื่อเรายืนหรือเดิน

  • การเคลื่อนไหว: มีส่วนสำคัญในการเคลื่อนไหวของสะโพกและขา ทำให้เราสามารถเดิน วิ่ง นั่ง ยืน หรือหมุนตัวได้อย่างคล่องแคล่ว

  • การปกป้องอวัยวะภายใน: กระดูกเชิงกรานยังช่วยปกป้องอวัยวะสำคัญภายในช่องท้องน้อย เช่น กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ส่วนปลาย และอวัยวะสืบพันธุ์

  • จุดกำเนิดและจุดเกาะของกล้ามเนื้อ: เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของกล้ามเนื้อสำคัญหลายร้อยมัดที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของลำตัว สะโพก และขา

เมื่อกระดูกเชิงกรานอยู่ในตำแหน่งที่สมดุลและมั่นคง ร่างกายของเราก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดแรงกดทับที่ไม่จำเป็นต่อข้อต่อและกล้ามเนื้อ แต่หากกระดูกเชิงกรานเกิดความผิดปกติ ไม่สมดุล หรือบิดเบี้ยวไปจากแนวที่เหมาะสม ก็จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายโดยรวม นำไปสู่อาการปวดและปัญหาทางสรีระต่าง ๆ ที่เราจะกล่าวถึงต่อไป


ผลกระทบของกระดูกเชิงกรานผิดแนว (Pelvic misalignment)

เมื่อกระดูกเชิงกรานอยู่ในแนวที่ถูกต้อง ร่างกายจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และปราศจากอาการปวด แต่เมื่อเกิดการผิดแนว (Subluxation) ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุจากการบาดเจ็บเล็กน้อยหรือรุนแรง ท่าทางที่ไม่เหมาะสม การตั้งครรภ์และคลอดบุตร ความแตกต่างของความยาวขา หรือแม้แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ก็จะส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อย ความไม่สมดุล และปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ การผิดแนวของกระดูกเชิงกรานมีหลายรูปแบบ เช่น

  • กระดูกเชิงกรานเอียงไปข้างหน้า (Anterior Pelvic Tilt): ด้านหน้าของกระดูกเชิงกรานเอียงต่ำลง ทำให้กระดูกสันหลังส่วนล่างแอ่น (Lordosis) มากเกินไป และก้นยื่นออกมา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่าง และความตึงของกล้ามเนื้อสะโพกด้านหน้าและกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง

  • กระดูกเชิงกรานเอียงไปข้างหลัง (Posterior Pelvic Tilt): ด้านหน้าของกระดูกเชิงกรานยกสูงขึ้น ทำให้กระดูกสันหลังส่วนล่างแบนราบ (Flatback) หรือโค้งงอไปด้านหน้า ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่างและความตึงของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง

  • กระดูกเชิงกรานเอียงด้านข้าง (Lateral Pelvic Tilt / Pelvic Obliquity): ด้านหนึ่งของกระดูกเชิงกรานสูงกว่าอีกด้าน มักเกิดจากความยาวขาไม่เท่ากัน กล้ามเนื้อไม่สมดุล หรือกระดูกสันหลังคด ทำให้เกิดอาการปวดสะโพก หลัง หรือหัวเข่าข้างใดข้างหนึ่ง

  • กระดูกเชิงกรานบิด (Rotational / Torsional Misalignment): การบิดหมุนของกระดูกเชิงกราน ทำให้เกิดแรงเค้นที่ไม่เท่ากันในข้อต่อ SI และอาจส่งผลกระทบต่อกระดูกสันหลังส่วนบนและล่าง


สัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจมีปัญหากระดูกเชิงกรานไม่สมดุล

หากคุณมีอาการเหล่านี้ ลองสังเกตดูว่ากระดูกเชิงกรานของคุณอาจกำลังมีปัญหาอยู่หรือไม่

  • อาการปวด: ปวดหลังส่วนล่าง ปวดสะโพก ปวดก้น ปวดขาหนีบ ปวดข้อต่อกระเบนเหน็บเชิงกราน (SI Joint Pain) ปวดร้าวลงขาคล้ายอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือแม้แต่ปวดเข่าและปวดเท้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • ท่าทางที่ผิดปกติ: คุณอาจรู้สึกเดิน หรือยืนไม่มั่นคง, ขาข้างหนึ่งดูสั้นกว่าอีกข้างไหล่ไม่เท่ากัน, สะโพกเอียง, เดินขากะเผลก, หรือมีท่าทางที่ค่อมงอ

  • ปัญหาอื่น ๆ: อาจมีการเคลื่อนไหวที่ไม่สมดุล อาการชา หรือในบางกรณีอาจส่งผลต่อระบบขับถ่าย ปัสสาวะเล็ด

สาเหตุทั่วไป ของปัญหากระดูกเชิงกรานไม่สมดุลมักเกิดจากการนั่งผิดท่าเป็นเวลานาน, การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาหรืออุบัติเหตุ, การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร, การออกกำลังกายที่ไม่ถูกหลัก, หรือแม้กระทั่งความแตกต่างของความยาวขาทั้งสองข้าง



ปวดหลังเรื้อรังหลังอุบัติเหตุ

อุบัติเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ การหกล้ม หรือการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างของกระดูกเชิงกรานและกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดอาการ ปวดหลังเรื้อรังหลังอุบัติเหตุ ได้

  • สาเหตุ: แรงกระแทกจากการบาดเจ็บอาจทำให้กระดูกเชิงกรานเคลื่อนผิดตำแหน่ง เกิดการบิดตัว หรือส่งผลกระทบต่อการทำงานของข้อต่อและกล้ามเนื้อบริเวณนั้น แม้ว่าบางครั้งจะไม่เห็นการแตกหักของกระดูก แต่แรงสะเทือนก็อาจทำให้โครงสร้างเชิงกรานเสียสมดุลได้ ซึ่งมักนำไปสู่อาการปวดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรืออาจปรากฏขึ้นภายหลังการบาดเจ็บ

  • สัญญาณ: อาการปวดมักจะรู้สึกได้บริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก หรือก้น และอาจร้าวลงขาได้ นอกจากนี้ยังอาจมีอาการตึงของกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวที่จำกัด หรือความรู้สึกไม่มั่นคงขณะยืนหรือเดิน

  • บทบาทของ Pelvic Realignment: การทำ Pelvic Realignment เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในกรณีปวดหลังเรื้อรังหลังอุบัติเหตุ ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินอย่างละเอียดเพื่อระบุตำแหน่งที่เสียสมดุล และใช้เทคนิคการจัดระเบียบที่เหมาะสมเพื่อคืนตำแหน่งกระดูกเชิงกรานที่ถูกต้อง ช่วยลดการอักเสบ ลดแรงกดทับ และส่งเสริมกระบวนการฟื้นตัวของร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อกลับมาทำงานได้อย่างปกติ ลดความเจ็บปวดและป้องกันการเกิดปัญหาเรื้อรังในระยะยาว


ปวดหลังเรื้อรังหลังคลอด

คุณแม่หลายท่านอาจเคยประสบปัญหา ปวดหลังเรื้อรังหลังคลอด ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยมาก และมักมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงของกระดูกเชิงกราน

  • สาเหตุ: ในระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เอ็นยึดข้อต่อต่าง ๆ รวมถึงบริเวณเชิงกรานอ่อนตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด นอกจากนี้ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและท่าทางที่เปลี่ยนไปขณะตั้งครรภ์ ยังทำให้กระดูกเชิงกรานรับภาระหนักขึ้น หลังคลอด กระดูกเชิงกรานอาจไม่ได้กลับเข้าสู่ตำแหน่งที่สมดุลโดยอัตโนมัติ ประกอบกับการดูแลลูกน้อย เช่น การอุ้มให้นม การเปลี่ยนผ้าอ้อมในท่าทางที่ไม่เหมาะสม ยิ่งซ้ำเติมให้เกิดความไม่สมดุลและอาการปวดเรื้อรังได้

  • สัญญาณ: อาการที่พบบ่อยคือ ปวดหลังส่วนล่าง ปวดบริเวณข้อต่อหัวหน่าว (Pubic Symphysis) ปวดสะโพก หรือแม้แต่ปวดร้าวลงขา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการดูแลลูกน้อย

  • บทบาทของ Pelvic Realignment: Pelvic Realignment มีบทบาทสำคัญในการช่วยคุณแม่หลังคลอด ด้วยการประเมินและจัดระเบียบกระดูกเชิงกรานที่อาจเคลื่อนหรือบิดเบี้ยวให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยลดแรงกดทับ บรรเทาอาการปวด และฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานและแกนกลางลำตัวให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง


การจัดกระดูกเชิงกราน (Pelvic Realignment) คืออะไร?

Pelvic Realignment คือแนวทางการจัดระเบียบและปรับสมดุลของกระดูกเชิงกราน ซึ่งเป็นโครงสร้างกระดูกที่เชื่อมต่อกระดูกสันหลังส่วนล่างกับกระดูกต้นขาของเรา หลักการคือการแก้ไขความผิดปกติของตำแหน่งกระดูกเชิงกรานที่อาจบิดเบี้ยว เคลื่อน หรือเสียสมดุลไปจากแนวที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายกลับมาอยู่ในแนวที่ถูกต้องตามหลักชีวกลศาสตร์ ช่วยลดแรงกดทับที่ผิดปกติบนข้อต่อและกล้ามเนื้อ

หลายคนอาจสับสนว่า Pelvic Realignment แตกต่างจากการจัดกระดูกทั่วไปอย่างไร? การจัดกระดูกทั่วไปมักจะเน้นการปรับกระดูกสันหลังในภาพรวม แต่ Pelvic Realignment จะเน้นไปที่กระดูกเชิงกรานโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็น "ศูนย์กลาง" ของร่างกาย หากกระดูกเชิงกรานอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้โครงสร้างส่วนบนและส่วนล่างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้าน Pelvic Realignment มักจะเป็นนักกายภาพบำบัด, ไคโรแพรคเตอร์ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ผ่านการอบรมด้านนี้โดยตรง


ประโยชน์ของ Pelvic Realignment

backpain from pelvic problem

การจัดระเบียบกระดูกเชิงกรานไม่ได้ช่วยแค่เรื่องอาการปวด แต่ยังส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม

  • บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง: โดยเฉพาะอาการปวดหลังส่วนล่างและสะโพกที่เกิดจากการจัดเรียงตัวของกระดูกที่ไม่ถูกต้อง

  • ปรับปรุงท่าทางและบุคลิกภาพ: ช่วยให้คุณยืน เดิน นั่ง ได้อย่างสง่างามและมั่นใจมากขึ้น

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว: ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง หรือออกกำลังกาย ช่วยลดข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว

  • ลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ: เมื่อโครงสร้างร่างกายสมดุล แรงกระทำต่อข้อต่อและกล้ามเนื้อก็จะลดลง ลดโอกาสบาดเจ็บจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ

  • ปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวม: เมื่อร่างกายปราศจากอาการปวดและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ คุณก็จะรู้สึกสบายตัว มีพลัง และมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น


กระบวนการ Pelvic Realignment เตรียมตัวอย่างไร?

เมื่อคุณตัดสินใจเข้ารับการทำ Pelvic Realignment กระบวนการจะเริ่มต้นด้วย:

  • การตรวจประเมินเบื้องต้น: ซักประวัติอาการอย่างละเอียด ตรวจร่างกาย วิเคราะห์ท่าทางการยืน เดิน และอาจมีการวัดความยาวขา เพื่อหาสาเหตุของปัญหาอย่างแม่นยำ ขั้นตอนนี้จึงสำคัญมากที่สุด

  • เทคนิคที่ใช้ในการจัดระเบียบ: ที่พังงาคลินิกแพทย์แผนจีนใช้การจัดเรียงด้วย APBC Technique ที่นุ่มนวล และแม่นยำ, การฝังเข็มคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว, การสอนบริหารเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscles) รวมถึงอาจมีการใช้อุปกรณ์ Adjuster ร่วมด้วย

  • จำนวนครั้งและระยะเวลาในการรักษา: ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาและความรุนแรงของอาการในแต่ละบุคคล โดยทั่วไปมักต้องทำต่อเนื่องประมาณ 3 - 5 ครั้ง

  • ข้อควรปฏิบัติหลังการรักษา: เพื่อให้ผลการรักษายั่งยืน คุณจะได้รับคำแนะนำในการดูแลตนเอง เช่น การออกกำลังกายที่บ้าน, การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ท่าทางการนั่ง ยืน เดิน ที่ถูกต้อง


Pelvic Realignment ด้วย Advanced Postural Biomechanical Correction Technique (APBC Technique)

ในปัจจุบัน มีเทคนิคการจัดเรียงข้อต่อที่เข้ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการปรับสมดุลกระดูกเชิงกราน นั่นคือ Advanced Postural Biomechanical Correction Technique (APBC Technique)

APBC Technique คือแนวทางการแก้ไขปัญหาโครงสร้างเชิงกลชีวภาพของท่าทางที่ซับซ้อน โดยไม่ได้มองแค่กระดูกเชิงกรานเดี่ยว ๆ แต่จะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของกระดูกเชิงกรานกับโครงสร้างอื่น ๆ ทั่วร่างกายอย่างละเอียด เช่น เท้า ข้อเข่า กระดูกสันหลัง และศีรษะ

ความแตกต่างและจุดเด่นของ APBC คือการใช้การประเมินที่แม่นยำสูง อาจรวมถึงการวิเคราะห์ท่าทางการยืน/เดินด้วยคอมพิวเตอร์ หรือการวัดความยาวขาอย่างละเอียด เพื่อระบุจุดที่เสียสมดุลอย่างแท้จริง จากนั้นจึงใช้เทคนิคการปรับที่เฉพาะเจาะจงและแม่นยำ เพื่อคืนสมดุลให้กระดูกเชิงกรานและโครงสร้างที่เกี่ยวข้องให้กลับมาอยู่ในแนวที่ถูกต้องอย่างเป็นองค์รวม ส่งผลให้สามารถแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้อย่างยั่งยืน และช่วยลดอาการปวดในระยะยาว รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวของร่างกายโดยรวม

สามารถดูข้อมูลของ APBC Technique เพ่ิมเติมได้ที่บทความ APBC Technique คืออะไร? ทางเลือกใหม่ในการปรับแนวข้อต่อ


Pelvic Realignment เหมาะกับใครและใครควรหลีกเลี่ยง?

Pelvic Realignment เหมาะกับ:

  • ผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง ปวดสะโพก ปวดก้นเรื้อรังที่หาสาเหตุไม่พบ

  • ผู้ที่ประสบปัญหาจากกระดูกเชิงกรานไม่สมดุล เช่น ท่าทางผิดปกติ, ไหล่ไม่เท่ากัน, เดินขากะเผลก

  • คุณแม่หลังคลอด ที่มีอาการปวดหลังหรือสะโพกเรื้อรังจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

  • นักกีฬาที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ

  • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงท่าทางและบุคลิกภาพให้ดีขึ้น

ข้อควรระวังและผู้ที่ควรหลีกเลี่ยง: ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการรักษาหากคุณเป็นสตรีมีครรภ์ (โดยเฉพาะไตรมาสแรก หรือมีภาวะแทรกซ้อน), ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนรุนแรง, หรือผู้ที่มีการติดเชื้อ/เนื้องอกบริเวณกระดูกสันหลัง


อย่างไรก็ตาม ทางคลินิกให้การรักษาเฉพาะในเคสคนไข้ที่เหมาะสมกับวิธีการนั้นๆ เท่านั้น และอาจต้องทำการฝังเข็ม หรือครอบแก้วก่อนจัดกระดูก เพื่อคลายกล้ามเนื้อ ป้องกันการบาดเจ็บ โดยยึดการตัดสินใจจากวิจารณญาณของแพทย์ถือเป็นที่สิ้นสุด


บทสรุป

Pelvic Realignment โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้เทคนิคขั้นสูงอย่าง APBC Technique ถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาปวดหลัง และปวดสะโพกเรื้อรังที่เกิดจากกระดูกเชิงกรานเสียสมดุล รวมถึงอาการปวดหลังเรื้อรังหลังคลอด ปวดหลังเรื้อรังหลังอุบัติเหตุ การคืนสมดุลให้กับโครงสร้างพื้นฐานของร่างกายนี้ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอาการปวด แต่ยังช่วยปรับปรุงท่าทาง เพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหว และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน Pelvic Realignment อาจเป็นก้าวสำคัญในการกลับมามีร่างกายที่แข็งแรง และสมดุลอีกครั้ง


หากคุณกำลังเผชิญกับอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง หรือต้องการดูแลสุขภาพกระดูกและกล้ามเนื้ออย่างครอบคลุม พังงาคลินิกแพทย์แผนจีน ภูเก็ต ยินดีให้คำปรึกษา และพร้อมดูแลคุณด้วยความเชี่ยวชาญ


ติดต่อเราเพื่อนัดหมายประเมินอาการได้ที่ พังงาคลิินิกแพทย์แผนจีน

  • สาขาอนุสาวรีย์-ป่าคลอก จ.ภูเก็ต: โทร. 080-516-9239

  • สาขาเมือง จ.พังงา: โทร. 092-284-3804

ดูแผนที่คลินิกได้ที่: "สาขาของเรา"

หรือนัดหมายล่วงหน้าผ่าน:




 
 
bottom of page